9 พฤษภาคม 2555

โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม: คำแถลงการณ์เรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112

ในทุกวัน มีประชาชนชาวไทยหลายคนตระหนักถึงโศกนาถกรรมของการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ในยุคใหม่ ทั้งนี้เป็นเพราะมีการการจับกุม การดำเนินคดี และการลงโทษอย่างทารุณที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ความกังวลเพิ่มระดับสูงขึ้น เพราะการกระทำอันป่าเถื่อนนี้ไม่ได้ทำลายเหยื่อเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำลายประเทศชาติและสถาบันกษัตริย์อีกด้วย ประชาชนไืทยได้หมดความอดทนต่อกฎหมายที่ล้าหลัง และการบังคับใช้กฎหมายบทนี้อย่างไร้สติ
ข้อเท็จจริงคือประชาชนมองว่าประเทศไทยกำลังจะก้าวไปข้างหน้า

ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งต้องตระหนักด้วยว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปกฎหมาย การปฏิรูปไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของความยุติธรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนจากประชาชนที่เลือกพวกเขาเข้ามาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการปฏิรูปนี้ยังไม่เกิดขึ้น เพราะแทนที่จะปกป้องประเทศชาติและสถาบันด้วยการยืนหยัดต่อสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ผู้แทนประชาชนอันทรงเกียรติกลับมุ่งเอาชนะคะคานกันว่าใครจะสุดโต่งและบ้าคลั่งมากกว่ากัน

ไม่น่าแปลกใจหากพรรคที่มีอุดมการณ์ไม่ตรงกับชื่ออย่างพรรคประชาธิปัตย์จะใช้กฎหมายมาตรา 112 ทำลายความเข้มแข็งของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าประชาชนจะรู้สึกไม่สบายใจกับการกระทำดังกล่าวมากขึ้นทุกวันก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนใจที่เจะอาชนะในการเลือกตั้ง สำหรับพวกเขาแล้ว การทำให้รัฐบาลอ่อนแอคือการสร้างเชื้อเพลิงความเกลียดชังในกลุ่มคนบ้าคลั่งกลุ่มเล็กๆ ซึ่งเป็นพวกเดียวที่ช่วยปูทางให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นสู่อำนาจในปี พ.ศ.2551 รองโฆษกหัวรุนแรงหน้าใหม่ของพรรค นางสาวมัลลิกา บุญมีตระกูลทำงานอย่างเป็นอิสระเพราะการสมรู้ร่วมคิดโดยการเงียบเฉยของหัวหน้าพรรค นางสาวมัลลิกาทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตัวตลกเพราะข้อเสนอให้ปิดประเทศของเธอ เนื่องจากของความมั่นคงประเทศกำลังถูกคุกคามโดยเวปไซต์ยูทูปและเฟคบุ๊ค

พรรคเพื่อไทยรู้ดีกว่านี้ แกนนำพรรคและกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคต้องทนทุกข์จากความอัปยศทีู่ถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบันเพราะเหตุผลทางการเมือง พวกเขาหลายคนเข้าใจดีว่ากฎหมายมาตรา 112 ทำลายประเทศชาติและสถาบันกษัตริย์อย่างไร และยังรู้ด้วยว่าประชาชนที่ถูกสังหารในปี 2553 เสียสละชีวิตของพวกเขาเพื่อสิ่ิงที่ยิ่งใหญ่กว่าการเปลี่ยนรัฐบาล เพราะเหตุนี้ มันจึงเป็นเรื่องน่าโมโหและผิดหวังมากกว่าที่ได้ยินสมาชิกในคณะรัฐมนตรีประกาศว่ารัฐบาลจะเพิ่มการสอดส่องพฤติกรรมของประชาชน ปิดกั้นข่าวสาร และจับกุมประชาชนมากขึ้น

เป็นไปได้ว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะรู้สึกกดดันให้ใช้คำพูดในลักษณะแบบนี้ และยึดแนวนโยบายของทหารและพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อจะทำให้กลุ่มอำมาตย์รู้สึกมั่นใจและป้องกันการเกิดรัฐประหารอีกครั้ง อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะต้องไม่อ่อนข้อให้กับกองทัพหรือพรรคทหาร โดยให้คนกลุ่มนี้มาควบคุมนโยบายเสรีภาพทางการแสดงออก ความกลัวว่าจะเกิดรัฐประหารไม่สามารถกลายเป็นอาวุธที่กลุ่มอำมาตย์ใช้ปราบปรามพรรคเพื่อไทยได้ แต่กลุ่มอำมาตย์จะทำให้เพื่อไทยแพ้ภัยตนเองโดยการทำให้เพื่อไทยทอดทิ้งอุดมการณ์ของตน และทำให้กับประชาชนที่สนับสนุนพรรคสงสัยว่าพวกเขาต่อสู่เพื่ออะไรกันแน่

รัฐบาลนี้ขึ้นสู่อำนาจมาตามแนวทางประชาธิปไตย และประชามติของประชาชนเพื่อจะนำพาประเทศก้าวข้ามผ่านหลุมกับดักของการไม่ยอมรับความแตกต่างและความกลัว ความสำเร็จและความชอบธรรมของรัฐบาลจะแสดงให้เห็นผ่านทางความสามารถของรัฐบาลที่จะรวมรวมความเข้มแข็งที่จะปฏิรูปตัวบทกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ถ่วงความเจริญของประเทศ การปฏิรูปนี้ไม่เพียงแต่จำเป็นสำหรับประเทศไทยในแง่ของการปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ตามที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติแนะนำในวันศุกร์ที่ผ่านมาเท่านั้น แม้แต่บุคคลที่มีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมอย่าง นายอนันต์ ปัญยารชุนและคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติซึ่งจัดตั้งโดยรัฐบาลที่แล้วยังสนุบสนุนการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 อย่างครอบคลุม เนื่องจากจำนวนของประชาชนที่ถูกจับกุมมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าในอดีต ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะหันหน้ามาพูดคุยกันเรื่องอนาคตดประเทศอย่างเป็นมีวุฒิภาวะ

มันเป็นเรื่องชัดเจนว่าสมาชิกบางคนในพรรรคเพื่อไทยเชื่อว่การปรองดองสามารถเกิดขึ้นได้โดยปราศจากนิติรัฐ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ การดำเนินคดีตามกฎหมายมาตรา 112 ละเมิดกฎขั้นพื้นฐานที่สุดของหลักนิติรัฐ นั้นคือ “หลักที่ว่าประชาชนต้องได้รับการชี้แจงบอกกล่าวถึงรายละเอียดของข้อกฎหมาย” เนื่องจากการที่ไม่สามารถเข้าใจอย่างชัดเจนได้ว่าข้อความใดบ้างถือเป็นองค์ประกอบความผิด จึงไม่มีประชาชนที่ปฏิบัติตามกฎหมายคนไหนสามารถเข้าใจหลักกฎหมายได้อย่างครอบคลุมและเข้าใจ รวมไปถึงสามารถใช้สิทธิตามประชาธิปไตยได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การข่มขู่ว่าจะดำเนินคดี ลดตำแหน่ง และจัดการกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมบังคับใช้กฎหมายมาตราอาญา112 ตำรวจ อัยการ และผู้พิพากษาจึงไม่สามารถใช้ดุลพินิจอย่างรอบคอบที่อาจช่วยให้มีการใช้กฎหมายมาตราอาญา112 อย่างสมเหตุสมผลและยุติธรรมได้

เมื่อพิจารณาการลงโทษจำคุกในคดีละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ล่าสุด ซึ่งร้ายแรงกว่าผู้กระทำผิดฐานฆาตกรรม คนที่ถูกกล่าวหาจึงมีสถานะเป็นนักโทษทางการเมืองในทันที แม้แต่องค์กรนิรโทษกรรมสากลในประเทศไทยยังอดไม่ได้ที่จะให้ความเห็นกับสถานการณ์นี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าองค์กรนิรโทษกรรมสากลถูกกระตุ้นให้ทำในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ภายใต้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ นั้นคือสัญญาณที่ชัดเจนว่าว่าการดำเนินคดีประเภทนี้ได้เดินทางมาถึงจุดที่บ้าคลั่งอย่างแท้จริง
robertamsterdam.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากให้ใครเป็นนายก

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Design Blog, Make Online Money